ลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ ตามมาตรา335(8)
มาตรา ๓๓๕ ผู้ใดลักทรัพย์
(๑) ในเวลากลางคืน
(๑) ในเวลากลางคืน
(๒)
ในที่หรือบริเวณที่มีเหตุเพลิงไหม้ การระเบิด อุทกภัย หรือในที่หรือบริเวณที่มี
อุบัติเหตุ เหตุทุกขภัยแก่รถไฟ
หรือยานพาหนะอื่นที่ประชาชนโดยสาร หรือภัยพิบัติอื่นทำนอง
เดียวกันหรืออาศัยโอกาสที่มีเหตุเช่นว่านั้น
หรืออาศัยโอกาสที่ประชาชนกำลังตื่นกลัวภยันตรายใด ๆ
(๓)
โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่า
นั้นเข้าไปด้วยประการใด ๆ
(๔)
โดยเข้าทางช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้า หรือเข้าทาง
ช่องทางซึ่งผู้เป็นใจเปิดไว้ให้
(๕)
โดยแปลงตัวหรือปลอมตัวเป็นผู้อื่น มอมหน้าหรือทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้
เห็นหรือจำหน้าได้
(๖)
โดยลวงว่าเป็นเจ้าพนักงาน
(๗) โดยมีอาวุธ
หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป
(๘) ในเคหสถาน
สถานที่ราชการหรือสถานที่ที่จัดไว้เพื่อให้บริการสาธารณะที่ตนได้
เข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต
หรือซ่อนตัวอยู่ในสถานที่นั้น ๆ
(๙)
ในสถานที่บูชาสาธารณะ สถานีรถไฟ ท่าอากาศยาน ที่จอดรถหรือเรือสาธารณะ
สาธารณสถานสำหรับขนถ่ายสินค้า
หรือในยวดยานสาธารณะ
(๑๐)
ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์
(๑๑)
ที่เป็นของนายจ้างหรือที่อยู่ในความครอบครองของนายจ้าง
(๑๒)
ที่เป็นของผู้มีอาชีพกสิกรรม บรรดาที่เป็นผลิตภัณฑ์ พืชพันธุ์ สัตว์หรือ
เครื่องมืออันมีไว้สำหรับประกอบกสิกรรมหรือได้มาจากการกสิกรรมนั้น
ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี
และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท
ถ้าความผิดตามวรรคแรกเป็นการกระทำที่ประกอบด้วยลักษณะดังที่บัญญัติไว้ใน
อนุมาตราดังกล่าวแล้วตั้งแต่สองอนุมาตราขึ้นไป
ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี
และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท
ถ้าความผิดตามวรรคแรกเป็นการกระทำต่อทรัพย์ที่เป็นโค
กระบือ เครื่องกลหรือ
เครื่องจักรที่ผู้มีอาชีพกสิกรรมมีไว้สำหรับประกอบกสิกรรม
ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปี
ถึงสิบปี
และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสองแสนบาท๑๒๕
ถ้าการกระทำความผิดดังกล่าวในมาตรานี้
เป็นการกระทำโดยความจำใจหรือความ
ยากจนเหลือทนทาน
และทรัพย์นั้นมีราคาเล็กน้อย ศาลจะลงโทษผู้กระทำความผิดดังที่บัญญัติไว้ใน
มาตรา ๓๓๔ ก็ได้
[อัตราโทษ
แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวล
กฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐
ลานจอดรถของโรงพยาบาลเป็นเพียงสถานที่จัดไว้สำหรับผู้มาติดต่อราชการไม่ใช่สถานที่สำหรับปฏิบัติราชการโดยตรง การที่จำเลยลักรถยนต์ในบริเวณลานจอดรถ จึงไม่ใช่การลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15795/2556
สถานที่จอดรถของโรงพยาบาลเป็นเพียงสถานที่ซึ่งทางราชการจัดไว้สำหรับเป็นที่จอดรถของบรรดาผู้มาติดต่อราชการหรือใช้บริการในการตรวจรักษาเท่านั้นหาใช่เป็นสถานที่ซึ่งใช้สำหรับปฏิบัติราชการของข้าราชการในโรงพยาบาลโดยตรงแต่อย่างใด การที่จำเลยลักรถยนต์ของผู้เสียหายไปจากบริเวณสถานที่จอดรถดังกล่าว จึงไม่ใช่การลักทรัพย์ในสถานที่ราชการอันเป็นความผิดตาม
ป.อ.มาตรา 335(8) ดังที่โจทก์ฟ้อง จำเลยคงมีความผิดฐานลักทรัพย์ตาม ป.อ. มาตรา 335(7)วรรคแรกเท่านั้น
ความผิดฐานปลอมและใช้แผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีและแผ่นป้ายแสดงการทำประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถยนต์ แม้จะเป็นเอกสารต่างประเภทกัน แต่จำเลยนำมาใช้ติดไว้ในรถยนต์คันเดียวกัน เป็นการแสดงเจตนาของจำเลยว่าต้องการให้รถยนต์ที่จำเลยลักมานั้นสามารถนำมาใช้แล่นสัญจรบนถนนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายจึงเป็นการกระทำความผิดโดยอาศัยเจตนาเดียวกัน การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำกรรเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
ความผิดฐานลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ ต้องเป็นการลักทรัพย์ในสถานที่ซึ่งใช้ปฏิบัติราชการโดยตรง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11190/2555
การกระทำอันเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ในสถานที่ราชการนั้น
ต้องเป็นการลักทรัพย์ในสถานที่ซึ่งใช้ปฏิบัติราชการโดยตรง
หาได้หมายความรวมถึงบริเวณของสถานที่ราชการนั้นด้วย
การที่จำเลยลักรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายที่จอดไว้ระหว่างป้อมยามที่ 1 และป้อมยามที่ 2 บริเวณทางเข้าวนอุทยานที่เกิดเหตุ
ซึ่งมิใช่สถานที่ซึ่งใช้ปฏิบัติราชการโดยตรง
จึงไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ในสถานที่ราชการตาม ป.อ. มาตรา 335 (8)
ลูกจ้างในโรงพยาบาลลักทรัพย์ของโรงพยาบาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9559/2552
การที่จำเลยเอายาและเครื่องเวชภัณฑ์ใส่ไว้ในถุงพลาสติก
ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการไปเอาจากห้องคลังยาโดยตรงหรือในช่วงที่จำเลยเอาไปวางบนชั้นด้านหลังเคาน์เตอร์เภสัชกร
ย่อมถือได้ว่าจำเลยเคลื่อนย้ายทรัพย์จากที่ตั้งตามปกติและเข้าถือเอาทรัพย์นั้นแล้ว
ทั้งจำเลยยังถือถุงพลาสติกออกไปแม้จะยังไม่พ้นจากห้องจ่ายยาเพราะมีผู้พบเห็นเสียก่อนทำให้จำเลยเอาทรัพย์ไปไม่ได้
ก็ถือว่าความผิดฐานลักทรัพย์สำเร็จแล้วหาใช่เป็นเพียงพยายามลักทรัพย์ไม่
การปรับบทกฎหมายให้ถูกต้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้และไม่ถือเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย
นอกจากนี้จำเลยเป็นลูกจ้างประจำและทำงานอยู่ในโรงพยาบาลที่เกิดเหตุ
ห้องจ่ายยาผู้ป่วยในเป็นสถานที่ทำงานของจำเลยและเหตุเกิดในช่วงเวลาที่จำเลยทำงาน
จึงมิใช่เป็นเรื่องที่จำเลยเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้วจึงลักทรัพย์ในสถานที่ดังกล่าว
การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ธรรมดามิใช่ลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ
และศาลมีอำนาจที่จะลงโทษจำเลยตามที่พิจารณาได้ความซึ่งเป็นบทที่เบากว่าได้ ตาม
ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย
ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา
225
ลานจอดรถจัดไว้สำหรับเป็นที่จอดรถของนักศึกษา ผู้มาติดต่อราชการ ตลอดจนข้าราชการของวิทยาลัย ไม่ใช่สถานที่ปฏิบัติราชการของข้าราชการโดยตรง การที่จำเลยลักรถจักรยานยนต์จากบริเวณลานจอดรถจึงไม่ใช่การลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8106/2548
ป.อ. มาตรา 336 ทวิ
เป็นบทบัญญัติถึงเหตุที่จะทำให้ผู้กระทำความผิดตามมาตรา 335
ต้องระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้น ๆ กึ่งหนึ่ง
หาใช่เป็นบทบัญญัติเพิ่มโทษผู้กระทำความผิดไม่ ดังนั้น ศาลต้องเพิ่มระวางโทษตามมาตรา
335 หนักขึ้นกึ่งหนึ่งเสียก่อน
แล้วจึงกำหนดโทษที่จะลงแก่ผู้กระทำความผิดระหว่างระวางโทษดังกล่าว
ไม่ใช่กำหนดโทษที่จะลงแก่ผู้กระทำความผิดเสียก่อน แล้วจึงเพิ่มโทษอีกกึ่งหนึ่ง
ลานจอดรถของวิทยาลัยเทคนิคลพบุรีเป็นเพียงสถานที่ซึ่งทางราชการจัดไว้สำหรับเป็นที่จอดรถของบรรดานักศึกษา
ผู้มาติดต่อราชการ ตลอดจนข้าราชการของวิทยาลัย
หาใช่เป็นสถานที่ซึ่งใช้สำหรับปฏิบัติราชการของข้าราชการในวิทยาลัยโดยตรงแต่อย่างใดไม่
การที่จำเลยทั้งสองลักรถจักรยานยนต์จากบริเวณลานจอดรถดังกล่าวจึงไม่ใช่การลักทรัพย์ในสถานที่ราชการอันเป็นความผิดตาม
ป.อ. มาตรา 335 (8) คงมีความผิดฐานลักทรัพย์ตามมาตรา
335 (7) วรรคแรก เท่านั้น
สถานที่จอดรถของวิทยาลัย ไม่ใช่สถานที่ปฏิบัติงานราชการโดยตรง การลักทรัพย์ในบริเวณลานจอดรถจึงไม่ใช่การลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5152/2548
สถานที่จอดรถของวิทยาลัยเทคนิคเป็นเพียงสถานที่ซึ่งทางราชการจัดไว้สำหรับเป็นที่จอดรถของนักศึกษา
ผู้มาติดต่อราชการ ตลอดจนข้าราชการในวิทยาลัยเท่านั้น
หาใช่เป็นสถานที่ซึ่งใช้สำหรับปฏิบัติราชการของข้าราชการในวิทยาลัยโดยตรงไม่
การที่จำเลยลักรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไปจากบริเวณสถานที่จอดรถดังกล่าว
จึงไม่ใช่การลักทรัพย์ในสถานที่ราชการอันเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 335 (8) วรรคแรก จำเลยจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์ตาม ป.อ.
มาตรา 334 เท่านั้น
ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
แม้คู่ความมิได้ยกขึ้นฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้องได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195
วรรคสอง ประกอบด้วย 225
โรงอาหารของมหาวิทยาลัย นักศึกษาหรือประชาชนผู้มาติดต่อ มีความชอบธรรมที่จะเข้าไปนั่งรับประทานอาหารได้ ไม่ใช่สถานที่ตั้งอันเป็นที่ปฏิบัติงานราชการ การลักทรัพย์บริเวณดังกล่าวจึงไม่ใช่การลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2845/2543
จ.
ไม่เคยรู้จักผู้เสียหายและจำเลยมาก่อน ทุกครั้งที่ จ.
ได้พบเห็นจำเลยก็ได้บอกกล่าวยืนยันตลอดมาว่า จำเลยเป็นคนร้ายลักกระเป๋าสตางค์ของผู้เสียหาย
จ. กับจำเลยไม่เคยมีเรื่องโกรธเคืองกันมาก่อน
จึงไม่มีเหตุที่จะเบิกความใส่ร้ายจำเลยโดยปราศจากมูลความจริง จ.
เห็นการกระทำของจำเลยหลายครั้งหลายหนรวมทั้งที่มีอากัปกิริยาเป็นพิรุธ
ซึ่งเชื่อว่าจดจำจำเลยได้แม่นยำไม่ผิดพลาด พยานหลักฐานโจทก์มีเหตุผลและน้ำหนักให้รับฟัง
คำเบิกความของพยานโจทก์ระหว่างตัวผู้เสียหายกับ จ. ที่เบิกความแตกต่างกันไปบ้าง
ถือว่าเป็นข้อแตกต่างในส่วนที่เป็นสิ่งประกอบเล็กน้อย
แต่มิใช่เรื่องอันเป็นข้อสำคัญเกี่ยวกับการบ่งบอกหรือบ่งชี้ถึงลักษณะอาการของจำเลยโดยตรงหรือขัดกันระหว่างประจักษ์พยานโจทก์สองปากที่รู้เห็นรูปลักษณ์หรือวิธีการกระทำผิดของจำเลยที่แตกต่างกันหรือขัดกัน
จึงไม่ถือเป็นข้อพิรุธอันน่าสงสัยและไม่ทำให้น้ำหนักของพยานหลักฐานโจทก์ที่รับฟังได้ต้องลดน้อยลง
โรงอาหารของมหาวิทยาลัยที่ซึ่งนักศึกษาหรือประชาชนอื่นใดผู้ที่เข้ามาติดต่อราชการกับมหาวิทยาลัยอันมีความชอบธรรมที่จะเข้าไปนั่งรับประทานอาหารได้เป็นที่ซึ่งอยู่ภายในบริเวณรั้วของมหาวิทยาลัย
แต่เป็นบริเวณนอกอาคารเรียนหรือนอกสถานที่ตั้งอันเป็นที่ปฏิบัติงานของราชการหรือข้าราชการตามปกติ
การกระทำของจำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(8)
คงมีความผิดตามมาตรา 334