แจ้งความ ร้องทุขก์ การสอบสวน อำนาจฟ้อง ผู้เสียหาย

      

 เจ้าพนักงานตำรวจทำการสอบสวนในเรื่องที่ผู้เสียหายไม่ได้ร้องทุกข์ไว้  การสอบสวนนั้นจึงเป็นการสอบสวนที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ.มาตรา 121 วรรคสอง  ดังนั้น พนักงานอัยการจึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยตาม ป.วิ.อ.มาตรา 120 ศาลยกฟ้อง จำเลยพ้นข้อกล่าวหา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 14785/2557

                วันที่ 4 พฤศจิกายน 2548  โจทก์ร่วมร้องทุกข์ขอให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีแก่จำเลยทั้งสองโดยอ้างว่าโจทก์ร่วมและจำเลยทั้งสองร่วมกันประกอบกิจการขายรถยนต์ใช้แล้วด้วยกัน   โดยโจทก์ร่วมเป็นผู้ออกเงินทุนซื้อรถยนต์ใช้แล้วจากนั้นนำไปมอบให้จำเลยทั้งสองเสนอขาย  เมื่อขายได้โจทก์ร่วมจะได้รับเงินทุนคืนพร้อมเงินกำไรร้อยละหกสิบ   ส่วนจำเลยทั้งสองจะได้เฉพาะเงินกำไรร้อยละสี่สิบ โจทก์ร่วมนำรถยนต์ 6 คันตามฟ้องไปมอบให้จำเลยทั้งสองเสนอขาย   เมื่อจำเลยทั้งสองขายได้แล้วจำเลยทั้งสองร่วมกันเบียดบังเอาเงินที่ขายได้ไปโดยทุจริต  ซึ่งเป็นการร้องทุกข์กล่าวหาว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันยักยอกเงินที่ได้จากการขายรถยนต์ของโจทก์ร่วม    แต่หลังจากนั้นในวันที่ 18 เมษายน 2549   พนักงานสอบสวน สอบสวนโจทก์ร่วมเพิ่มเติมว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันยักยอกรถยนต์ของโจทก์ร่วม ซึ่งไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ร่วมได้ร้องทุกข์ไว้ในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2548   การสอบสวนเพิ่มเติมดังกล่าวจึงเป็นการสอบสวนที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 121 วรรคสอง เพราะมิใช่เรื่องที่โจทก์ร่วมร้องทุกข์ไว้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองในข้อหาร่วมกันยักยอกรถยนต์ของโจทก์ร่วมเป็นคดีนี้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 120
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 120
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 121




        สมัครใจทะเลาะวิวาท ถือว่า ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย  จึงไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ในคดีอาญา แต่ยังคงเป็นผู้เสียหายในทางแพ่งและมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนได้ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 44/1

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4164/2561

        ข้อเท็จจริงในส่วนอาญาฟังได้ว่า จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้ร้อง จึงเป็นการกระทำละเมิดและต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ร้อง ซึ่งศาลจำต้องถือตามข้อเท็จจริงตามที่ปรากฎในคำพิพากษาส่วนอาญาดังที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.อ. มาตรา 46  แม้ผู้ร้องมิใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ในคดีอาญาก็ตาม แต่ผู้ร้องยังคงเป็นผู้เสียหายในทางแพ่งและมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนได้ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 44/1 ส่วนจำเลยจะต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพียงใดนั้นต้องเป็นไปตาม ป.พ.พ.มาตรา 442 ประกอบมาตรา 223 ที่บัญญัติเป็นใจความว่า ถ้าความเสียหายได้เกิดขึ้นเพราะความผิดอย่างหนึ่งอย่างใดของผู้เสียหายประกอบด้วย หนี้อันจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหายมากน้อยเพียงใดนั้น ต้องอาศัยพฤติการณ์เป็นประมาณ ข้อสำคัญก็คือว่า ความเสียหายนั้นได้เกิดเพราะฝ่ายไหนเป็นผู้ก่อยิ่งหย่อนกว่าเพียงใด


เขาไม่ได้ลักทรัพย์แต่แจ้งความหาว่าเขาลักทรัพย์ นอกจากจะเป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จแล้ว ยังเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8611/2553

       จำเลยรู้ว่ามิได้มีการกระทำผิดในข้อหาลักทรัพย์เกิดขึ้นแต่กลับไปแจ้งความแก่พนักงานสอบสวนว่าได้มีการกระทำผิดในข้อหาลักทรัพย์อันเป็นเท็จเพื่อให้พนักงานสอบสวนเชื่อว่าได้มีความผิดข้อหาลักทรัพย์เกิดขึ้นเพื่อให้โจทก์ร่วมได้รับโทษ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จตาม ป.อ. มาตรา 137 มาตรา 174 วรรคสอง ประกอบมาตรา 173 จำเลยยังมีเจตนาแจ้งความเพื่อให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีแก่โจทก์ร่วมอันเป็นการใส่ความโจทก์ร่วมต่อบุคคลที่สามเพื่อให้โจทก์ร่วมถูกดูหมิ่น เกลียดชังและเสียชื่อเสียง การกระทำของจำเลยจึงเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ร่วมอีกด้วย




สำนักงานกฎหมายพรเพ็ญ ทนายความ

รับปรึกษา  ดำเนินคดี  ทางแพ่ง  ทางอาญา  
คดีอนาจาร  คดีข่มขืน   ยักยอก   ฉ้อโกง 
การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกง   ฉ้อโกงประชาชน
ตรวจร่างสัญญา  จัดทำสัญญากู้ยืม  สัญญาซื้อขาย ฯลฯ
รับจัดตั้งผู้จัดการมรดก  รับทำพินัยกรรม  
รับทำคดียาเสพติด 

ติดต่อทนายความ

โทร 095-912-5745 หรือไลน์ไอดี CAT1679


กฎหมายเรื่องอื่นๆ อ่านเพิ่มเติม....