กู้ยืมเงิน ชำระหนี้ด้วยการเอาที่ดินตีใช้หนี้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 656 ถ้าทำสัญญากู้ยืมเงินกัน และผู้กู้ยืมยอมรับเอาสิ่งของหรือทรัพย์สินอย่างอื่นแทนจำนวนเงินนั้นไซร้ ท่านให้คิดเป็นหนี้เงินค้างชำระโดยจำนวนเท่ากับราคาท้องตลาดแห่งสิ่งของหรือทรัพย์สินนั้นในเวลาและ ณ สถานที่ส่งมอบ
ถ้าทำสัญญากู้ยืมเงินกัน และผู้ให้กู้ยืมยอมรับเอาสิ่งของหรือทรัพย์สินอย่างอื่นเป็นการชำระหนี้แทนเงินที่กู้ยืมไซร้ หนี้อันระงับไปเพราะการชำระเช่นนั้น ท่านให้คิดเป็นจำนวนเท่ากับราคาท้องตลาดแห่งสิ่งของหรือทรัพย์สินนั้นในเวลาและ ณ สถานที่ส่งมอบ
ความตกลงกันอย่างใด ๆ ขัดกับข้อความดังกล่าวมานี้ ท่านว่าเป็นโมฆะ
ไม่มีตกลงกันก่อนว่า ที่ดินที่ตีใช้หนี้เงินยืมมีราคาเท่าใด เท่ากับราคาท้องตลอดในเวลาและสถานที่ส่งมอบหรือไม่
คำพิพากษาฎีกาที่ 17099/2555
ป.กู้ยืมเงิน ว.จำนวน 400,000 บาท มี อ.นำโฉนดที่ดินของตนมาวางเป็นหลักประกัน พร้อมหนังสือมอบอำนาจที่ยังไม่ได้กรอกข้อความ แต่ อ.ลงลายมือชื่อไว้ให้ ว. โดยมีข้อตกลงว่า หาก ป.ไม่ชำระหนี้เงินกู้ ว.สามารถกรอกข้อความในหนังสือมอบอำนาจแล้วทำการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวเป็นของ ว.ได้ ต่อมา ป.ไม่ชำระหนี้เงินกู้ ว.จึงกรอกข้อความในหนังสือมอบอำนาจว่า อ.ขายที่ดินพิพาทให้ ว.ในราคา 400,000 บาท โดยให้ ว.มีอำนาจกระทำในนามตนเองและเป็นตัวแทน อ. แล้ว ว.นำไปจดทะเบียนโอนขายที่ดินให้ ว.
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เป็นกรณีที่ ว.ผู้ให้กู้ยืม ยอมรับเอาทรัพย์สินอย่างอื่นเป็นการชำระหนี้แทนเงินที่กู้ยืม โดยไม่ปรากฏว่า ป.กับ ว.ได้มีการตกลงกันก่อนว่า ที่ดินที่ตีใช้หนี้เงินยืมมีราคาเท่าใด เท่ากับราคาท้องตลอดในเวลาและสถานที่ส่งมอบหรือไม่ ข้อตกลงดังกล่าวจึงขัดต่อกฎหมาย ย่อมตกเป็นโมฆะ เมื่อข้อตกลงดังกล่าวเป็นโมฆะ ว.จึงไม่มีสิทธิบังคับตามข้อตกลงได้ การที่ ว.ไปดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของ ว.จึงเป็นการไม่ชอบ อ.ย่อมมีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนได้
ราคาที่ดินสูงกว่ายอดหนี้เป็นจำนวนมาก การตีใช้หนี้จึงตกเป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7378/2552
การกู้ยืมเงินโดยผู้ให้กู้ยืมยอมรับเอาที่ดินเป็นการชำระหนี้แทนเงินที่กู้ยืมนั้น ป.พ.พ. มาตรา 656 วรรคสอง บัญญัติให้หนี้เป็นอันระงับไปเพราะการชำระเช่นนั้นให้ต้องคิดเป็นจำนวนเท่ากับราคาท้องตลาดแห่งสิ่งของหรือทรัพย์สินนั้นในเวลา และ ณ สถานที่ส่งมอบในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2541 ซึ่งเป็นวันจดทะเบียนโอนที่ดินตีราคาที่ดิน 590,000 บาท ซึ่งเป็นราคาประเมินของกรมที่ดิน แม้โจทก์จำเลยจะมิได้นำสืบถึงราคาซื้อขายในท้องตลาดที่แท้จริงซึ่งเป็นราคาที่ดินเป็นหลักในการคำนวณ ณ เวลาที่ส่งมอบ แต่ก็เห็นได้ว่าราคาประเมินในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมของกรมที่ดินในเบื้องต้นพอจะอนุมานได้ว่าน่าจะใกล้เคียงกับราคาท้องตลาดและไม่แตกต่างกันมาก เว้นแต่จะมีเหตุผลพิเศษสำหรับที่ดินบางแปลงเป็นการเฉพาะรายเท่านั้น ราคาที่ดินขณะจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์จึงสูงกว่าภาระหนี้เงินกู้พร้อมดอกเบี้ยค้างชำระตามที่จำเลยอ้าง ซึ่งมีอยู่ประมาณ 230,000 บาท จำเลยก็รับว่ามีส่วนต่างอยู่ประมาณ 300,000 บาท ดังนี้ ความตกลงดังกล่าวย่อมตกเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 656 วรรคท้าย ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนเพราะเป็นการเอารัดเอาเปรียบผู้กู้และทำให้ผู้ให้กู้ได้เปรียบในทางทรัพย์สินเงินทอง แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาและเป็นปัญหาที่มิได้ว่ากันมาโดยชอบในศาลล่างศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) ประกอบมาตรา 246 และมาตรา 247 เมื่อการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทตกเป็นโมฆะ จำเลยจึงไม่ได้ที่ดินไปทางทะเบียนเอาที่ดินตีใช้หนี้โดยไม่คำนึงถึงราคาที่ดินพิพาทว่าจะเท่ากับราคาท้องตลาดในเวลาและ ณ สถานที่ส่งมอบคือเวลาจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์หรือไม่ จึงตกเป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 142/2550
ข้อตกลงที่กำหนดว่า หากโจทก์ผู้กู้ไม่ชำระหนี้เงินกู้ให้แก่ ส. ผู้ให้กู้ เมื่อครบกำหนดตามสัญญา ก็ให้สิทธิ ส. โอนที่ดินพิพาทเพื่อชำระหนี้เงินกู้ได้ทันทีตามหนังสือมอบอำนาจที่โจทก์ลงลายมือชื่อไว้โดยไม่กรอกข้อความให้ ส. ยึดถือไว้เป็นประกันโดยไม่คำนึงถึงราคาที่ดินพิพาทว่าจะเท่ากับราคาท้องตลาดในเวลาและ ณ สถานที่ส่งมอบคือเวลาจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์หรือไม่ ข้อตกลงดังกล่าวจึงขัดต่อ ป.พ.พ. มาตรา 656 วรรคสอง ย่อมตกเป็นโมฆะตาม มาตรา 656 วรรคสาม ส. หามีสิทธิบังคับให้โจทก์ดำเนินการโอนที่ดินพิพาทไม่ การที่จำเลยบุตรของ ส. จดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยโดยขัดต่อ มาตรา 656 วรรคสอง และวรรคสาม ซึ่งเป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน เพราะเป็นเรื่องที่กฎหมายบัญญัติห้ามไว้โดยชัดแจ้งเพื่อป้องกันมิให้ผู้กู้ยืมถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ให้กู้ยืม ปัญหานี้จึงเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้าง ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) ประกอบด้วย มาตรา 246 และมาตรา 247ราคาที่ดินมีราคาเท่ากับจำนวนหนี้ การเอาที่ดินตีใช้หนี้จึงใช้บังคับได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4144/2532
โจทก์กู้ยืมเงินจำเลยที่ 2 โดยจำนองที่พิพาทเป็นประกันต่อมาโจทก์ตกลงโอนที่พิพาทชำระหนี้เงินกู้ให้แก่จำเลยที่ 2 ขณะโอนที่พิพาทมีราคาเท่ากับจำนวนหนี้ การตกลงดังกล่าวจึงเป็นไปตามเงื่อนไขแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 656 วรรคสองมีผลให้หนี้เงินกู้และสัญญาจำนองระงับไปตามมาตรา 321,744 และเป็นการที่โจทก์เอาทรัพย์จำนองตีใช้หนี้จำเลยที่ 2 หาใช่ผู้รับจำนองเรียกเอาทรัพย์จำนองหลุดซึ่งผู้จำนองจะต้องขาดส่งดอกเบี้ยถึง 5 ปี ตามมาตรา 729 ไม่สำนักงานกฎหมายพรเพ็ญ ทนายความ
รับปรึกษา ดำเนินคดี ทางแพ่ง ทางอาญาคดีอนาจาร คดีข่มขืน ยักยอก ฉ้อโกง
การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกง ฉ้อโกงประชาชน
ตรวจร่างสัญญา จัดทำสัญญากู้ยืม สัญญาซื้อขาย ฯลฯ
รับจัดตั้งผู้จัดการมรดก พินัยกรรม รับทำคดียาเสพติด